< Previous8 • วิทยาจารย์ นอกจากนี้ การให้ทุนก็มีการกําหนดว่า นักเรียน ที่จะรับทุนต้องเข้าเรียนอย่างน้อยร้อยละ 80 และมีการติดตามประเมินผล ไปจนถึงการส่งต่อ ข้อมูลไปยังหน่วยงานอื่น เช่น กรณีที่นักเรียน เรียนจบมัธยมศึกษาปีที่ 3 แล้วต้องการเรียนต่อ สายอาชีวศึกษา เราก็จะมีทุนที่เรียกว่า “ทุนนวัตกรรม สายอาชีพชั้นสูง” เพื่อให้เด็กไปเรียนในวิทยาลัยเทคนิค ส่วนในกรณีที่นักเรียนต้องการเรียนต่อสายสามัญ ปัจจุบันทาง กสศ. ยังไม่มีทุนให้นักเรียนไปเรียนต่อ ชั้นมัธยมปลายหรือในมหาวิทยาลัย แต่เราก็ทํางาน ร่วมกับกองทุนเงินให้กู้ยืมเพื่อการศึกษา (กยศ.) ในการเชื่อมโยงข้อมูลและส่งต่อข้อมูลของนักเรียน ที่อยู่ในกลุ่มยากจนพิเศษเพื่อให้ กยศ. ดําเนินการ ให้เงินกู้เพื่อการศึกษาให้กับเด็กกลุ่มนี้ได้โดยที่ ไม่ต้องไปผ่านกระบวนการคัดเลือกอีกครั้ง เช่นเดียวกันนี้ ทาง กสศ. ก็ได้ส่งข้อมูลของเด็ก ที่ได้ทุนเสมอภาคที่กําลังจะเข้าเรียนมหาวิทยาลัย ในระบบ TCAS ไปให้กับที่ประชุมอธิการบดี แห่งประเทศไทย (ทปอ.) ซึ่งก็มีทุนของหน่วยงาน ในระดับอุดมศึกษาหรือว่าทุนของมหาวิทยาลัย ต่างๆ เช่นกัน นอกจากนี้กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (อว.) ก็อาจจะนํา เอาข้อมูลไปดําเนินการเพื่อจัดสรรทุนได้ ดังนั้น การทํางานอย่างหนึ่งของ กสศ. ก็คือ การเก็บข้อมูลและส่งต่อเพื่อเป็นหลักประกัน ทางการศึกษากับเด็กที่ยากจนและด้อยโอกาส ให้เข้าสู่ระบบการศึกษาและเรียนสูงที่สุดเท่าที่ จะทําได้ ส่วนอีกด้าน กสศ. ก็ทํางานติดตามข้อมูล และเข้าช่วยเหลือเด็กที่เป็นกลุ่มเสี่ยงหรือเด็กที่อยู่ นอกระบบไปแล้ว เราก็จะใช้หลักการทํางานเชิงพื้นที่ ร่วมกับจังหวัด องค์การปกครองส่วนท้องถิ่น NGO รวมไปถึงสถาบันการศึกษา มูลนิธิต่างๆ เพื่อช่วยเหลือ เด็กที่อยู่นอกระบบการศึกษาให้กลับเข้าสู่ระบบ ได้ในลักษณะ Alternative Application โดยการให้เรียนหลักสูตร กศน. หรือว่าอาจจะกลับ เข้าสู่ระบบโรงเรียน หรือเข้าสู่กระบวนการฝึกอบรม วิชาชีพต่างๆ โดยงานในลักษณะนี้เราเรียกว่า เมืองแห่งการพัฒนา การศึกษา นครเซี่ยงไฮ้ เป็นหนึ ่ งตัวอย่าง ความสําเร็จในการพัฒนาการศึกษา มีการกระจายอํานาจให้ส่วนท้องถิ่น จัดการงบประมาณด้านการศึกษา มีนโยบายและลงทุนสร้างบุคลากรครู ที่มีคุณภาพ มีการวางมาตรฐาน การเรียนการสอน และการติดตาม ประเมินผลนักเรียนอยู่เสมอ รวมถึง ระบบการให้โรงเรียนที่มีความพร้อม มากกว่าทําหน้าที่เป็นพี่เลี้ยงให้กับ โรงเรียนที่มีความพร้อมน้อยกว่าวิทยาจารย์ • 9 เป็นงานแบบ Area Based Application ในเบื้องต้น กสศ. ทํางานกับ 20 จังหวัดทั่วประเทศ เพื่อสร้างต้นแบบของ Area Based Application ในการช่วยเหลือเด็กที่อยู่นอกระบบ ให้ได้รับ การศึกษา อีกกลุ่มที่เราไปทํา Area Based Application คือกลุ่มเด็กประถมวัยที่ศูนย์พัฒนาเด็กเล็ก ในจังหวัดต่างๆ ซึ่งเราก็พยายามเข้าไปหาโมเดล ต้นแบบในแต่ละพื้นที่แต่ละจังหวัดซึ่งแตกต่างกัน เราเชื่อว่าการไปทํางานในเชิงพื้นที่และหาโมเดล ที่แตกต่างกันจะสามารถนําไปขยายผลและนําไป สื่อสารให้สังคมได้เห็นว่า มันก็มีรูปแบบแนวทาง ในการทํางานและอุปสรรคปัญหาที่เกิดขึ้นได้ หลายรูปแบบ ความเสมอภาคทางการศึกษา ความเหลื่อมลํ้าทางการศึกษาในประเทศไทย ค่อนข้างจะชัดเจนในแง่ของคุณภาพของโรงเรียน และคุณภาพทางการศึกษา ซึ่งความเหลื่อมลํ้า ในลักษณะนี้มีแนวโน้มสูงขึ้น กลุ่มเด็กที่มาจาก ครอบครัวมีฐานะก็จะกระจุกตัวอยู่ในโรงเรียน ที่มีคุณภาพดีไม่กี่แห่ง ในขณะที่ประชากรส่วนใหญ่ ของประเทศหรือคนยากจนก็จะเรียนในโรงเรียน ที่ขาดแคลนทรัพยากร แนวโน้มลักษณะนี้ทําให้เกิด ความเหลื่อมลํ้าที่ส่งผลต่อกันคือความเหลื่อมลํ้า ทางเศรษฐก ิ จ และความเหลื่อมลํ้าทางการศึกษา เป็นวงจรเชื่อมโยงกัน การแก้ไขปัญหาต้องทําไป ทั้งสองด้าน แต่การแก้ไขปัญหาความเหลื่อมลํ้า ทางเศรษฐกิจอาจจะทําได้ยากเพราะเกี่ยวกับ ระบบทุนนิยม ขณะที่การแก้ปัญหาความเหลื่อมลํ้า ทางการศึกษาแม้จะทําได้ยาก แต่ยังมีหนทางแก้ไข ได้ด้วยนโยบายของรัฐหลายอย่าง เช่น การจัดสรร งบประมาณและเรื่องของทรัพยากร การใช้หลัก ให้โรงเรียนมีทรัพยากรขั้นพื้นฐานเหมือนกัน การจัดสรรครูที่มีความรู้ความสามารถกระจายตัว ไปทุกโรงเรียน หรือการใช้นโยบายที่สนับสนุนให้ คนเก่งเข้ามาเป็นครูและสามารถเจริญก้าวหน้าได้ และไม่ทําให้ฐานะทางเศรษฐกิจเป็นตัวกําหนด โอกาสในการเข้าเรียนโรงเรียนมากเกินไป อย่างที่เรา มักจะได้ยินในหลายประเทศ โรงเรียนใกล้บ้าน เป็นโรงเรียนคุณภาพ พ่อแม่ไม่ต้องดิ้นรนส่งลูก ไปเรียนไกลๆ ถ้าเราทําให้โรงเรียนในชุมชน มีคุณภาพได้ ก็จะทําให้ความเหลื่อมลํ้าทางการศึกษา ลดลงได้ ซึ่งผมคิดว่าแนวทางเหล่านี้เป็นจริงได้ ถ้ารัฐบาลมีนโยบายที่ชัดเจนหรือว่ามีการตั้งเป้า การลดความเหลื่อมลํ้าทางการศึกษาอย่างจริงจัง อ้างอิง • http://www.mis.moe.go.th/images/StatFiles/62/ cut62/T1-2562.pdf • https://www.eef.or.th/news-300522/ การใช้หลักให้โรงเรียนมีทรัพยากร ขั้นพื้นฐานเหมือนกัน จัดสรรครูที่มีความรู้ ความสามารถกระจายตัวไปทุกโรงเรียน หรือนโยบายที่สนับสนุนให้คนเก่งเข้ามา เป็นครูและสามารถเจริญก้าวหน้าได้น างสาวตรีนุช เทียนทอง รัฐมนตรี ว่าการกระทรวงศึกษาธิการ ประธาน กรรมการคุรุสภา เป็นประธานในพิธี การจัดงานวันคล้ายวันสถาปนา สํานักงานเลขาธิการคุรุสภา ครบรอบ 77 ปี วันที่ 2 มีนาคม 2565 ในรูปแบบออนไลน์ ภายใต้สถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด-19 และการปฏิบัติตามมาตรการป้องกัน การแพร่ระบาดของโควิด-19 มี รศ.ดร.ประวิต เอราวรรณ์ เลขาธิการคณะกรรมการข้าราชการครู และบุคลากรทางการศึกษา (ก.ค.ศ.) รักษาการ เลขาธิการคุรุสภา ผู้บริหาร และพนักงานเจ้าหน้าที่ ของสํานักงานเลขาธิการคุรุสภา ให้การต้อนรับ มีผู้ร่วมงาน ประกอบด้วย คณะกรรมการคุรุสภา คณะกรรมการมาตรฐานวิชาชีพ ผู้มีคุณูปการ ต่อสํานักงานเลขาธิการคุรุสภา อดีตผู้บริหาร ผู้สนับสนุนกิจการสํานักงานเลขาธิการคุรุสภา ผู้บริหาร และพนักงานเจ้าหน้าที่ของสํานักงาน มุ่งสร้างคุรุสภาสู่องค์กรดิจิทัล เร่งรัด วางระบบ เพิ ่ มประสิทธิภาพ ยกระดับวิชาชีพครูให้มีมาตรฐาน และจรรยาบรรณเป็นที่ยอมรับ เรื่อง กองบรรณาธิการ การสถาปนาสํานักงาน เลขาธิการคุรุสภา 77 ปี 10 • วิทยาจารย์ สกู๊ปพิเศษเลขาธิการคุรุสภา โดยร่วมงานทั้งบริเวณหอประชุม คุรุสภา สํานักงานเลขาธิการคุรุสภา และในรูปแบบ ออนไลน์ ผ่านเฟซบุ๊กแฟนเพจคุรุสภา และยูทูปคุรุสภา พิธีในช่วงเช้า รัฐมนตรีว่าการกระทรวง ศึกษาธิการ ประธานกรรมการคุรุสภา เป็นประธาน ในพิธีบวงสรวงพระพฤหัสบดี พระบาทสมเด็จ พระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว พระยาศรีสุนทรโวหาร (น้อย อาจารยางกูร) และ ฯพณฯ ทวี บุณยเกตุ ผู้ก่อตั้งคุรุสภา เวลา 09.00 น. รัฐมนตรีว่าการกระทรวง ศึกษาธิการ เป็นประธานในพิธีทําบุญเพื่อความเป็น สิริมงคล พิธีมอบโล่ให้แก่ผู้มีคุณูปการต่อสํานักงาน เลขาธิการคุรุสภา จํานวน 18 คน เพื่อเป็นการยกย่อง เป็นขวัญ และกําลังใจแก่ผู้ที่ช่วยเหลือ สนับสนุน สํานักงานมาเป็นอย่างดี และกล่าวแสดงความยินดี ในวันคล้ายวันสถาปนาสํานักงานเลขาธิการคุรุสภา การบรรยายพิเศษ เรื่อง ประชุม (ลับ) กับธงทอง โดย ศาสตราจารย์พิเศษธงทอง จันทรางศุ นอกจากนี้ รองศาสตราจารย์ ดร. ประวิต เอราวรรณ์ ได้มอบ นโนบายการบริหารงานและประกาศเจตจํานง สุจริตในการบริหารงานของสํานักงานเลขาธิการ คุรุสภาด้วย รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงศึกษาธิการ กล่าวว่า สํานักงานเลขาธิการคุรุสภา ได้ดําเนินการ ตามบทบาทขององค์กรตามพระราชบัญญัติครู พุทธศักราช 2488 และพระราชบัญญัติสภาครู และบุคลากรทางการศึกษา พ.ศ. 2546 ในปัจจุบัน ถือเป็นการดําเนินการตามภารก ิ จที่สําคัญต่อ วิชาชีพครู ซึ่งเป็นวิชาชีพชั้นสูง การปฏิบัติตาม ภารกิจ นอกจากจะต้องใช้ความรู้ ความสามารถ ประสบการณ์และศักยภาพของพนักงานเจ้าหน้าที่ ทุกคนแล้ว ยังต้องอาศัยความร่วมมือ ร่วมแรง ร่วมใจกันของทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้อง ที่จะต้องร่วมมือ ดําเนินงาน โดยเฉพาะในเรื่องของการกําหนด มาตรฐานและจรรยาบรรณของวิชาชีพ ซึ่งเป็น มาตรฐานนําไปสู่การการรับรองปริญญาและ ประกาศนียบัตรทางการศึกษา การดําเนินการ ออกและต่ออายุใบอนุญาตประกอบวิชาชีพ การกํากับดูแลการประพฤติและการปฏิบัติตน ตามมาตรฐานวิชาชีพจรรยาบรรณของวิชาชีพ การพัฒนาวิชาชีพและการยกย่องวิชาชีพของ ผู้ประกอบวิชาชีพ การดําเนินงานเพื่อให้ตอบสนองต่อการเปลี่ยนแปลง ในสถานการณ์ปัจจุบันของโลก เรื่อง มาตรฐาน และจรรยาบรรณของวิชาชีพ มีความสําคัญมาก ต่อผู้เป็นครู และบุคลากรทางการศึกษา ดังนั้น บุคลากรของสํานักงานเลขาธิการคุรุสภาและ ทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้อง ต้องใช้ความรู้ความสามารถ ดําเนินงานด้วยความมุ่งมั่น ยึดถือประโยชน์สมาชิก คุรุสภาที่เป็นผู้ประกอบวิชาชีพทางการศึกษา อยู่ทั่วประเทศเป็นที่ตั้ง เพื่อให้เกิดความเชื่อมั่น ในการสร้างมาตรฐานวิชาชีพและการดูแลจรรยาบรรณ วิชาชีพของผู้ประกอบวิชาชีพทางการศึกษา เพื่อสร้าง หลักประกันด้านคุณภาพการศึกษาแก่สังคม ซึ่งจะ นําไปสู่การสร้างความศรัทธาให้บังเกิดแก่องค์กร วิชาชีพครูต่อไป การปฏิบัติตามภารกิจ นอกจาก จะต้องใช้ความรู้ ความสามารถ ประสบการณ์และศักยภาพของ พนักงานเจ้าหน้าที่ทุกคนแล้ว ยังต้องอาศัยความร่วมมือ ร่วมแรง ร่วมใจกันของทุกฝ่าย วิทยาจารย์ • 11ล�ำดับเหตุกำรณ์ส�ำคัญของคุรุสภำ พ.ศ. 2434 ก�ำเนิด “วิทยำทำนสถำน” เจ้ำพระยำภำสกรวงศ์ (พร บุนนำค) มีการก่อตั้ง “วิทยาทานสถาน” โดยเจ้าพระยาภาสกรวงศ์ (พร บุนนาค) เสนาบดีคนแรก ตั้งอยู่ที่สี่กั๊กพระยาศรี ใกล้ห้างแอลยีริกันดี เปิดเป็นห้องสมุดและสโมสรสําหรับ ประชาชน โดยมีทั้งหนังสือไทยและต่างประเทศ อีกทั้งจัดให้มีการชุมนุมเชื้อเชิญผู้มีความรู้มาบรรยาย เรื่องต่างๆ ให้แก่ครู ต่อมาได้ย้ายไปที่โรงเลี้ยงเด็กหรือ โรงเรียนสายสวลีสัณฐานคาร 2 มีนาคม พ.ศ. 2488 ก�ำเนิด “ส�ำนักงำนเลขำธิกำรคุรุสภำ” คณะกรรมการอํานวยการคุรุสภาได้ทําการประชุมและ มีมติแต่งตั้งข้าราชการประจําของกระทรวงศึกษาธิการ มารักษาการในตําแหน่งเลขาธิการ และหัวหน้าแผนกต่างๆ ชุดแรกจํานวน 9 คน เพื่อเป็นเจ้าหน้าที่ผู้ปฏิบัติงาน ตั้งแต่ วันที่ 2 มีนาคม พ.ศ. 2488 โดยมีพระยาจินดารักษ์ (อธิบดีกรมพลศึกษา) รักษาการในตําแหน่งเลขาธิการ คุรุสภา จึงได้ถือเอาวันที่ 2 มีนาคม พ.ศ. 2488 เป็นวันสถาปนาสํานักงานเลขาธิการคุรุสภา พ.ศ. 2438 มีกำรเปิดอบรมครูเป็นครั้งแรกที่ “วิทยำทำนสถำน” มีการจัดอบรมครู เพื่อเพิ่มพูนความรู้ใหม่ๆ ให้แก่ครู มีการควบคุมและรักษามาตรฐานการประกอบวิชาชีพครู ของไทย โดยผู้อบรมครูคนแรก คือ เจ้าพระยาธรรมศักดิ์มนตรี (นายสนั่น เทพหัสดิน ณ อยุธยา) 16 มกราคม พ.ศ. 2488 ประกำศใช้ พระรำชบัญญัติครู พุทธศักรำช 2488 ให้มีสภำใน กระทรวงศึกษำธิกำร เรียกว่ำ “คุรุสภำ” คุรุสภาจัดตั้งขึ้นตามพระราชบัญญัติครู พุทธศักราช 2488 มีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 16 มกราคม พ.ศ. 2488 กําหนด ให้ครูทุกคนเป็นสมาชิกของคุรุสภา คุรุสภาทําหน้าที่ ให้ความเห็นเรื่องนโยบายการศึกษา และวิชาการศึกษาทั่วไป แก่กระทรวงศึกษาธิการ ควบคุมจรรยาบรรณและวินัย ของครูรักษาผลประโยชน์ ส่งเสริมฐานะของครูและ ครอบครัวครูให้ได้รับความช่วยเหลือตามสมควร ส่งเสริม ความรู้และความสามัคคีของครู และที่สําคัญก็คือ ทําหน้าที่ แทน ก.พ. เกี่ยวกับการบริหารงานบุคคลครู 12 • วิทยาจารย์พ.ศ. 2488 พระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว มีพระมหากรุณาธิคุณทรงรับ “สามัคยาจารย์สมาคม” เข้าไว้ในพระบรมราชูปถัมภ์ เมื่อครั้งดํารงอิสริยยศเป็นสมเด็จพระบรมโอรสาธิราช เจ้าฟ้ามหาวชิราวุธ สยามมกุฎราชกุมารและเสด็จ พระราชดําเนินมาทอดพระเนตรละครและทรงฟังปาฐกถา พิเศษที่สามัคยาจารย์สมาคมหลายครั้ง ต่อมาเมื่อได้ตั้ง คุรุสภาขึ้น จึงรวมก ิ จการและทรัพย์สินของสามัคยาจารย์ สมาคมมาเป็นของคุรุสภา และได้มีการประชุมสามัคยาจารย์ สมาคมครั้งสุดท้าย เมื่อวันศุกร์ที่ 4 พฤษภาคม พ.ศ. 2488 สามัคยาจารย์สมาคมจึงสิ้นสภาพในวันนั้น 12 มิถุนายน พ.ศ. 2546 ประกาศใช้ พ.ร.บ. สภาครูและบุคลากร ทางการศึกษา พ.ศ. 2546 ปี พ.ศ. 2546 ได้มีการตราพระราชบัญญัติสภาครู และบุคลากรทางการศึกษาขึ้น เพื่อปรับปรุงคุรุสภาเดิม ตามพระราชบัญญัติครูพุทธศักราช 2488 เป็น 2 องค์กร คือ 1) สภาครูและบุคลากรทางการศึกษาเรียกชื่อเหมือนเดิมว่า “คุรุสภา” มีฐานะเป็นนิติบุคคลอยู่ในกํากับของกระทรวง ศึกษาธิการ และ 2) สํานักงานคณะกรรมการส่งเสริม สวัสดิการและสวัสดิภาพครูและบุคลากรทางการศึกษา เรียกว่า “สกสค.” มีฐานะเป็นนิติบุคคล อยู่ในกํากับ กระทรวงศึกษาธิการ 11 พฤษภาคม พ.ศ. 2502 พิธีวางศิลาฤกษ์หอประชุมคุรุสภา โดยสมาชิกคุรุสภาได้ร่วมกันบริจาค เงินเดือนคนละ 1 วัน จัดสร้าง หอประชุมคุรุสภา เป็นสิ่งก่อสร้างที่นําความภาคภูมิใจ มาสู่บรรดาครูทั่วประเทศ ด้วยครูทุกคนได้ร่วมกันบริจาค เงินเดือนคนละ 1 วัน ตามคําเชิญชวนของคุรุสภา รวมกับเงินขององค์การค้าและเงินสมทบจากรัฐบาล เป็นงบประมาณการก่อสร้างหอประชุมคุรุสภา โดยสร้าง เมื่อวันที่ 3 ตุลาคม พ.ศ. 2500 และทําพิธีเปิด เมื่อวันที่ 11 พฤษภาคม พ.ศ. 2502 16 เมษายน พ.ศ. 2558 ค�าสั่งหัวหน้าคณะรักษาความสงบ แห่งชาติ ที่ 7/2558 ให้คณะกรรมการ คุรุสภาพ้นจากต�าแหน่ง เมื่อวันที่ 16 เมษายน พ.ศ. 2558 ได้มีคําสั่งหัวหน้า คณะรักษาความสงบแห่งชาติ ที่ 7/2558 เรื่องการปฏิบัติ หน้าที่ของคณะกรรมการคุรุสภา ให้กรรมการคุรุสภา ตามมาตรา 12 (1) (3) (4) และ (5) แห่งพระราชบัญญัติ สภาครูและบุคลากรทางการศึกษา พ.ศ. 2546 ซึ่งอยู่ใน วันก่อนวันที่คําสั่งนี้ใช้บังคับพ้นจากตําแหน่ง และมิให้ มีการแต่งตั้งบุคคลขึ้นมาแทนที่ วิทยาจารย์ • 13เ มืองใหญ่อาจไม่ใช่สถานที่ที่เหมาะสมที่สุด ในการเรียนรู้ทําความคุ้นเคยกับสีเขียว ของธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม แต่คนกลุ่มหนึ่ง ในกรุงวอชิงตัน ดี.ซี. ประเทศสหรัฐอเมริกา กําลังเปลี่ยนแปลงแนวความคิดดังกล่าว City Blossoms เป็นองค์กรไม่แสวงหากําไร หรือ Non-Profit Organization ที่มุ่งนํา ธรรมชาติมาสู่เด็กๆ ที่อาจไม่มีโอกาสได้สัมผัส พื้นที่สีเขียว โดยให้การช่วยเหลือในการรังสรรค์ พื้นที่สีเขียวตามโรงเรียนและศูนย์รับเลี้ยงเด็ก ทั่วกรุงวอชิงตัน รวมทั้งยังมีนักวิชาการในสังกัด ที่สามารถสอนเด็กๆ ให้ใกล้ชิดกับการทําสวน และธรรมชาติ Tara McNerney ผู้อํานวยการของ City Blossoms และอดีตครู ระบุว่าบทเรียนของพวกเธอ ให้ความสําคัญต่อเรื่องวิทยาศาสตร์สิ่งแวดล้อม (Environmental Science) ทักษะการใช้ชีวิต ให้มีสุขภาพที่ดี เช่น การทําอาหาร ตลอดจน การแสดงออกทางศิลปะ ภายในสวน นักเรียนจะได้ซึมซับธรรมชาติ ในมิติต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นวัฏจักรของต้นไม้ หรือ ระบบนิเวศ แต่สวนไม่ได้มีประโยชน์เพียงเท่านั้น เนื่องจากครูยังสามารถใช้ประโยชน์จากพื้นที่สีเขียว ในการเรียนหนังสือนอกชั้นเรียน เช่น อ่านหนังสือ เรื่องการทําสวน หรือเพิ่มพูนคําศัพท์ที่เกี่ยวกับ ธรรมชาติ แม้แต่วิชาคณิตศาสตร์ก็สามารถเรียน ในสวนได้เช่นกัน “เราสามารถปรับเปลี่ยนวิชา ที่เหล่าครูต้องการที่จะสอนได้ตามต้องการ” McNerney กล่าว เรื่อง ปรีดา ชัยนาจิตร ห้องเรียนธรรมชาติ กลางเมืองใหญ่ การเรียนรู้นอกห้องเรียนเป็นอีกรูปแบบหนึ ่ งที่จะทําให้เด็กได้เรียนรู้ เกี่ยวกับสิ ่ งรอบตัว และเปิดโอกาสทางความคิดและจินตนาการ 14 • วิทยาจารย์ การศึกษา รอบทิศความร่วมมือระหว่าง City Blossoms กับโรงเรียนในเมืองใหญ่แห่งนี้ ครอบคลุมระยะเวลา อย่างน้อย 3 - 4 ปี ผ่านความช่วยเหลือ ในการสร้างสรรค์และดูแลสวนดังกล่าว แต่โรงเรียน จะเป็นผู้จัดการสวนเป็นหลัก McNerney เปิดเผยว่า เธอเลือกจับมือกับโรงเรียนที่เข้าใจความสําคัญ ของการศึกษานอกห้องเรียนเป็นทุนเดิมอยู่แล้ว และมีความประสงค์ที่จะเก็บรักษาสวนไว้ที่ โรงเรียนต่อไปอีกหลายปี “สวนเป็นโปรแกรม ที่โรงเรียนเป็นผู้ดําเนินการ ซึ่ง City Blossoms เพียงแต่ทําหน้าที่สนับสนุน เราไม่ต้องการสวน แบบชั่วครั้งชั่วคราว หรือถูกมองเป็นสวนของ City Blossoms ที่ชุมชนรอบข้างไม่ได้ใช้ประโยชน์ อย่างเต็มที่ เพราะนั่นจะไม่ก่อให้เกิดการทําสวน ที่ยั่งยืน” ขณะเดียวกัน ในสวนประจําชุมชนอีก 5 แห่ง ของ City Blossoms พวกเขาเป็นผู้จัดก ิ จกรรม ทางธรรมชาติสําหรับชุมชน แต่ชุมชนยังคงเป็น ผู้พัฒนาพื้นที่เหล่านี้ Isa Zambrano ผู้ดูแลพื้นที่ ประจําชุมชนสําหรับ City Blossoms ระบุว่า “ที่สุดแล้ว เราไม่ได้เป็นผู้ออกแบบพื้นที่เหล่านี้ แต่ชุมชนเป็นผู้ออกแบบสวนทุกแห่งเก ิ ดขึ้น เป็นรูปเป็นร่างตามชุมชนและวัฒนธรรมที่อยู่ที่นั่น” Kendra Hazel ผู้ตรวจตราสวนประจําชุมชน ของ City Blossoms เปิดเผยว่า เด็กและผู้ใหญ่ ต่างมีส่วนร่วมในการพัฒนาพื้นที่สีเขียวของชุมชน ตัวอย่างเช่น ในช่วงสอนทําอาหาร ผู้คนจะเล่า เรื่องราวถึงมื้ออาหารที่มีความพิเศษต่อวัฒนธรรม ของตนเอง ดังนั้น นอกจากสร้างสภาพแวดล้อม การเรียนรู้แล้ว Zambrano กล่าวว่า สวนประจํา ชุมชนยังแสดงออกถึงความหลากหลายของผู้คน ในกรุงวอชิงตัน “มันเหมือนนําผู้คน และวัฒนธรรม ต่างๆ มาต่อเข้าด้วยกัน” พื้นที่ห่างไกลอาหาร ในเมืองใหญ่อย่างวอชิงตัน ดี.ซี. อาหารที่ดี ต่อสุขภาพอาจหาได้ยากในบางพื้นที่ โดยเฉพาะ พื้นที่ที่ผู้คนมีรายได้ตํ่า ไม่ต่างจากเมืองกรุงเทพฯ พื้นที่ประมาณ 15% ของ ดี.ซี. ถือเป็น “ทะเลทราย อาหาร” หรือ Food Desert ซึ่งเป็นพื้นที่ ที่ซูเปอร์มาร์เก็ตที่ใกล้ที่สุดอยู่ห่างออกไปเก ิ น City Blossoms มุ่งเน้นการสร้าง ปฏิสัมพันธ์กับชุมชนใน 4 มิติสําคัญ อันประกอบด้วย การสร้างอุปนิสัย การใช้ชีวิตที่ดีต่อสุขภาพ การพัฒนา ชุมชน การให้ความรู้ด้านสิ ่ งแวดล้อมและ การแสดงออกทางศิลปะ 1.6 ก ิ โลเมตร Ward 7 และ 8 ซึ่งเป็นเขตที่ผู้คน มีรายได้น้อยที่สุดในวอชิงตัน ดี.ซี. มีซูเปอร์มาร์เก็ต เพียง 3 แห่ง ต่อประชากร จํานวน 160,000 คน สวน 7 แห่ง ของ City Blossoms ตั้งอยู่ ใน 2 เขตดังกล่าว ด้วยเหตุนี้ ภารกิจอย่างหนึ่ง ขององค์กร คือ เพิ่มพื้นที่ที่อาจไม่มีโอกาสมีพื้นที่ สีเขียวและขาดการเข้าถึงอาหารที่ดีต่อสุขภาพ สําหรับนักเรียนที่ชั้นสูงขึ้นมาในโรงเรียนระดับ ไฮสคูล 2 แห่งใน ดี.ซี. พวกเขาได้เรียนวิธีเพาะปลูก และเก็บเกี่ยวพืชไร่ผ่านโปรแกรม Mighty Greens ของ City Blossoms นักเรียน ในโปรแกรมนี้ยังนําผักและสมุนไพรที่เก็บได้ไปขาย ที่ตลาดเกษตรกรในท้องถิ่นอีกด้วย มือยิ ่ งเลอะยิ ่ งเยอะประสบการณ์ เป้าหมายหลักของ City Blossoms อาจอยู่ที่ การให้ความรู้เด็กๆ แต่หลายครอบครัวและผู้ใหญ่ หลายคนต่างเข้ามามีส่วนร่วมด้วย องค์กรไม่แสวงหา กําไรแห่งนี้จึงได้จัดกิจกรรมสอนจัดสวนรองรับคน ทุกวัย Hazel เชื่อว่าสถานการณ์การแพร่ระบาด ของโควิด-19 ส่งผลให้ผู้คนต้องการใช้เวลา อยู่กลางแจ้งสัมผัสธรรมชาติมากขึ้น “ผู้คนเริ่ม ตื่นตัวว่าพื้นที่สีเขียวมีบทบาทสําคัญอย่างยิ่งในชุมชน พวกเขาตระหนักถึงข้อดีของการใช้เวลานอกบ้าน ตัดการเชื่อมต่อจากเทคโนโลยีและเพียงแค่ใช้ชีวิต รวมทั้งทําก ิ จกรรมที่ทําให้มือเลอะเทอะบ้าง” อ้างอิง • https://learningenglish.voanews.com/a/city- gardens-educate-create-community/6362302. html • https://cityblossoms.org/ วิทยาจารย์ • 1516 • วิทยาจารย์ วิชาการ ห้องเรียน เ มื่อกล่าวถึงระบบการจัดการศึกษาของ ประเทศไทย ทุกคนทราบดีและพยายาม ตีความหมายสู่การศึกษาในระบบ การศึกษา นอกระบบ และการศึกษาตามอัธยาศัย จะเห็นได้ว่าทุกยุคทุกสมัยที่ผ่านมาจะยึดหลัก การจัดการศึกษาโดยคํานึงถึงคุณภาพชีวิตของ ประชาชน มนุษย์เราจะต้องเรียนรู้ตั้งแต่เกิดจนตาย ต้องเรียนรู้อย่างต่อเนื่องเพื่อให้มีความรู้เท่าทัน การเปลี่ยนแปลงของสังคมในโลกปัจจุบัน สิ่งหนึ่ง การศึกษาตลอดชีวิต การสร้างความเสมอภาคและโอกาสทางการศึกษา เพื่อสร้างการเปลี่ยนแปลง เรื่อง กองบรรณาธิการ ที่จะต้องให้ความสําคัญในการจัดการศึกษาก็คือ ความเสมอภาคทางการศึกษาทุกชนชั้น ทุกกลุ่ม เป้าหมายต้องได้รับบริการจากรัฐอย่างครอบคลุม และเท่าเทียม โดยเฉพาะประชาชนที่ด้อยโอกาส พลาดโอกาส และขาดโอกาสทางการศึกษา ดังนั้น ผู้ที่มีส่วนเกี่ยวข้องและรับผิดชอบ ในการจัดการศึกษา จําเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องให้ ความสําคัญ สนับสนุนส่งเสริมให้กลุ่มเป้าหมาย เหล่านี้ได้รับโอกาสทางการศึกษาอย่างเท่าเทียมวิทยาจารย์ • 17 ในการส่งเสริมสนับสนุน และจัดโอกาสการเรียนรู้ อย่างต่อเนื่องของผู้สูงอายุในด้านต่างๆ เช่น ด้านสุขสบาย ที่เน้นการออกกําลังกายที่ถูกวิธี สําหรับผู้สูงอายุ ด้านสุขสนุก เน้นสาระของความสนุกสนานและ ยิ้มแย้มแจ่มใส ด้านสุขสง่า เน้นสาระของความสุขอย่างสง่างาม ด้านสุขสว่าง เน้นสาระสําคัญของการฝึกสมอง การคิดและการเขียน ด้านสุขสงบ เน้นสาระสําคัญของความสุขทางใจ เหนือสิ่งอื่นใด ในการสร้างความเสมอภาคและ โอกาสทางการศึกษาเพื่อสร้างการเปลี่ยนแปลง สําหรับผู้สูงอายุก็คือ การเน้นกระบวนการร่วมคิด ร่วมทํา ร่วมแก้ปัญหา และร่วมพัฒนา เพราะผู้สูงอายุ ถือว่าเป็นผู้มีีการเรียนรู้ มีประสบการณ์ และ ถือว่าตนเองเป็นผู้ใหญ่ ดังนั้น หากจะจัดก ิ จกรรม การเรียนรู้ให้กลุ่มผู้สูงอายุ ในแต่ละกิจกรรมนั้น ควรอย่างยิ่งที่จะให้กลุ่มเป้าหมายได้ร่วมคิด วางแผนตามลําดับขั้นตอน แล้วจึงลงมือทําตาม แผนที่วางไว้ โดยผู้จัดการเรียนรู้ต้องร่วมลงมือ ในก ิ จกรรมนั้นด้วย เมื่อเก ิ ดปัญหาก็ต้องปรึกษา หาแนวทางในการแก้ปัญหา สิ่งสําคัญก็คือ การร่วมพัฒนาในทุกๆ ด้าน ซึ่งหากดําเนินการ อย่างนี้แล้ว เชื่อมั่นว่าจะประสบผลสําเร็จอย่าง แน่นอน ดังนั้น การสร้างความเสมอภาคทางการศึกษา และสร้างโอกาสทางการศึกษาของผู้สูงอายุ เพื่อสร้างการเปลี่ยนแปลง จึงต้องใช้ความจริงใจ ใฝ่งาน ประสานความคิด และติดอุดมการณ์ จึงจะสําเร็จตามวัตถุประสงค์ที่ตั้งไว้ และเข้าถึง ไม่ว่าจะเป็นกลุ่มใดก็ตาม เช่น การศึกษา ในระบบโรงเรียนต้องมีการจัดการศึกษาขั้นพื้นฐาน ให้กับกลุ่มเหล่านี้ ได้เรียนรู้ทั้งทางวิชาการและ วิชาชีวิตควบคู่กันไป ซึ่งในปัจจุบันค่อนข้างที่จะเน้น ในเรื่องวิชาการสูงมาก แต่สิ่งที่เกิดเหล่านี้ ขาดการเตรียมความพร้อมในการดํารงชีวิตก็คือ วิชาชีวิต หรือทักษะชีวิตที่ติดตัวออกไปหลังจาก จบการศึกษาในระดับต่างๆ จําเป็นหรือไม่ที่จะต้อง เสริมในเรื่องวิชาชีพคู่กับวิชาพื้นฐานในระดับ ประถมศึกษา มัธยมต้น และมัธยมปลาย เพราะ เมื่อจบการศึกษาภาคบังคับแล้วไม่ได้ศึกษาต่อ จะได้มีทักษะอาชีพ ทักษะชีวิตที่ติดตัวเพื่อการดํารง ชีวิตต่อไปในอนาคต หรือแม้แต่ในสถานการณ์ ปัจจุบัน นักศึกษาส่วนหนึ่งที่จบการศึกษาในระดับ อุดมศึกษาก็ไม่สามารถดํารงชีวิตอยู่ได้ เกิดสภาวะ ตกงาน การเลือกงาน เหตุปัจจัยเก ิ ดจากการศึกษา เฉพาะหลักวิชาการเพื่อแข่งขันนั่นเอง ส่วนใหญ่ เมื่อจบมาแล้วทําอะไรไม่เป็น เนื่องจากไม่เคยได้ เรียนรู้วิชาทักษะชีวิตหรือวิชาที่จะเป็นพื้นฐาน ในการดํารงชีพเลย ดังนั้น การจัดการศึกษาจึงจําเป็นต้องจัดให้ ครอบคลุมทุกกลุ่มเป้าหมาย เช่น กลุ่มผู้พิการ กลุ่มผู้สูงอายุ เป็นต้น โดยเฉพาะกลุ่มผู้สูงอายุ ซึ่งในประเทศไทยกําลังจะประสบกับกระบวนการ เปลี่ยนแปลงทางสังคมที่ค่อนข้างจะรุนแรง โดยเฉพาะกลุ่มผู้สูงอายุซึ่งมีแนวโน้มที่จะมากขึ้น เป็นประวัติการ ทุกภาคส่วนควรอย่างยิ่งที่จะต้อมี ความร่วมมือตั้งใจ และจริงใจที่จะดูแลรับผิดชอบ Next >